รูปที่ 2 ส่วนประกอบของฐานยิงปืนอินฟราเรด

หลักการทำงานของวงจร

ในการทำงานของวงจรนี้ผมขอเริ่มจากส่วนของวงจรภาคส่งแแสงอินฟาเรด ก่อนนะครับ โดยต่อวงจรเป็นวงจรกำเนิดแสง โดยใช้ความต้านทานR1เป็นตัวจำกัดกระแสที่
ให้กับหลอดอินฟาเรดและต่อในลักษณะของวงจรอนุกรม ในส่วนของวงจรภาครับแสงอินฟาเรดนั้น จะทำงานโดยเมื่อภาครับแสงอินฟาเรด RX1 และ RX2 ได้รับแสงอินฟาเรดจากการเคลื่อนที่เข้ามาของวัตถุ จะทำให้ทรานซิสเตอร์ TR1 ไม่ทำงานที่ขาคอเลอเตอร์ หรือขา C ของทรานซิสเตอร์ TR1จะมีค่าเทียบเท่าแรงดันไฟ VCC ซึ่งเกิดผลทำให้กระแสที่ไหลผ่านหลอด LED1 ซึ่งต่อเสมือนเป็นระบบนำวิถีไม่ไหลจึงทำให้หลอด LED1 ดับลงและผลที่เกิดขึ้นนี้จะเสมือนไปสั่งการทำงานให้กับขา 9 ของ IC 74HC04
เมื่อพิจารณาจากไอซีเบอร์นี้ จะทำหน้าที่เป็น Not gate หรือเป็นตัวกลับสภาวะการทำงานที่เกิดขึ้นทางอินพุต เมื่อแรงดันที่เกิดที่ขา 9 ซึ่งก็คือส่วนรับอินพุตของตัว Not gate จะทำให้เกิดสภาวะกลับขึ้นที่ขา 8 คือ เกิดแรงดัน 0 โวลท์ ขึ้นซึ่งจะไปสั่งงาน 2 ส่วนคือ ส่วนแรกคือส่วนเปิดการทำงานของแอลอีดีสีแดงทั้งสองตัวและส่วนที่ 2 คือ จะเข้าที่ขา 5 ซึ่งเป็นส่วนอินพุตของ Not Gate ซึ่งจะทำให้ขา 6 แรงดันที่กลับสภาวะกับขา 5 คือเทียบเท่า VCC ซึ่งแรงดันนี้จะสั่งงานให้TR9 ทำงานซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมที่จะทำให้เกิดเสียง แต่ยังรอการทำงานของ TR10
มาถึงขั้นนี้ผมขอพักสิ่งที่กล่าวมาก่อน และขอกล่าวอีกส่วนหนึ่งที่จะมีความสัมพันธ์กับขั้นตอนด้านบน โดยขอพิจารณาที่ขา 1,2,3 และขา4 ของไอซี 74HC04 โดยจะมี R10,R11,C4 และ VR1 ต่ออยู่ ซึ่งจะต่อเป็นวงจรกำเนิดความถี่โดยจะกำเนิดความถี่ออกมาเป็นลักษณะพัลล์ โดยสามารถปรับความถี่ที่ได้หรือปรับการกระพริบของแอลอีดีสีแดง (LED) ให้มีการกระพริบไวหรือช้าได้ที่ VR1 โดยที่ขา2 และขา 4 ของไอซี 74HC04 จะต่อเข้ากับ LED 2 และLED3

สิ่งที่เราพิจารณากันต่อไปคือ ที่ขา4ของไอซี 74 HC04 จะไปขับการทำงานให้กับ TR10 ซึ่งจากสิ่งที่กล่าวมาตั้งแต่ต้นของการทำงาน 
เมื่อมีวัตถุมากระทบและภาครับแสงอินฟาเรดทำงานจะทำให้เกิดการกระพริบของแอลอีดี (LED) และเกิดเสียงขึ้นที่บัตเซอร์ ตามจังหวะการพริบของแอลอีดี และจะขอแนะนำให้ท่านผู้อ่านดูเทคนิคอีกสักเล็กน้อยคือ ที่ขา 6 ของไอซี 74HC04 ที่กล่าวมาแล้วจะเกิดเป็นแรงดันเทียบเท่า VCCจะทำให้ทรานซิสเตอร์ TR2 ไม่ทำงาน ยังผลทำให้วงจรขับมอเตอร์ไม่ทำงาน ดังนั้นจากเหตุการณ์ที่ภาครับทำงานนี้ จะทำให้หลอดไฟแอลอีดีซุปเปอร์ไบต์ที่ใช้นำวิถีดับ แอลอีดีที่ใช้ในการยิงกระพริบ เกิดเสียงเป็นจังหวะที่บัตเซอร์ และมอเตอร์หยุดหมุน
   ต่อไปมาพิจารณาช่วงที่ไม่มีวัตถุใด ๆ มากระทบเลย ภาครับจะไม่ได้รับแสงอินฟาเรด จะทำให้มีกระแสไหลผ่านความต้านทาน R2 เข้าสู่ขาเบส (B)ของทรานซิสเตอร์ TR1 ทำให้ทรานซิสเตอร์ TR1 ทำงาน LED1 เกิดแสงสว่างขึ้น เพราะตรงจุดขาคอเลคเตอร์ (C) จะเสมือนเป็นกราวด์ ซึ่งจะเป็นค่าเข้าสู่ขา 9 และทำให้ขา 8 มีแรงดันเทียบเท่า VCC ซึ่งจะเป็นค่าแรงดันที่ทำให้ LED 2 และ LED3 ไม่ทำงานไม่ว่าจะมีแรงดันเกิดขึ้นที่ขา 2 และขา 4 ของไอซีอย่างไรก็ตาม ซึ่งผลที่ขา 8 มีแรงดันเทียบเท่า VCC จะทำให้ขา 6 มีค่าเทียบเท่ากราวด์ ซึ่งจะทำให้ไม่มีกระแสเพียงพอที่จะสั่งให้ TR9 ทำงานแต่สามารถทำให้ทรานซิสเตอร์ TR2 ทำงานได้ ซึ่งเมื่อทรานซิสเตอร์ TR2 ทำงานจะมีกระแสไหลเข้าสู่วงจรขับมอเตอร์ โดยที่มอเตอร์จะทำงานสลับซ้ายขวานั้นขึ้นอยู่กับวงจรกำเนิดความถี่ที่ใช้ Not gate 2 ตัวต่ออยู่ที่ขา 10,11,12 และ13ของไอซี 74 HC04 ซึ่งจะต่อเหมือนกันกับชุดขับ LED2 และ LED3 โดยเราสามารถปรับความเร็วของมอเตอร์ได้จาก VR2
ส่วนทำงานของวงจรสุดท้าย  คือส่วนการขับมอเตอร์ซึ่งเป็นวงจรการขับมอเตอร์ของรถกระป๋อง
   การกลับทิศทางจะขึ้นอยู่กับแรงดันที่ให้ทรานซิสเตอร์ TR7 และ TR8ซึ่งการทำงานอย่างละเอียด เพื่อน ๆ ลองค้นหาอ่านใน HOBBY ELECTRONIC ฉบับที่ 117 นะครับ ซึ่งผมก็ขอหยิบยืมมาใช้เหมือนกันครับแต่เพื่อน ๆ ระวังอย่างหนึ่งครับ คืออย่าให้ทรานซิสเตอร์ TR7 และTR8 ทำงานพร้อมกันทั้งคู่เพราะจะทำให้วงจรขับมอเตอร์เสียหายได้

รูปที่ 3 วงจรสมบูรณ์ของปืนอินฟราเรด   
     
    มีต่อ...   

             ออกแบบและจัดทำโดย :: BASICLITE.COM
  Email: basic@basiclite.com   
   สายตรง